เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท พร้อมเดินหน้าโรดโชว์ ประกาศขายหุ้น IPO ที่ช่วงราคา หุ้นละ 5.10–5.50 บาท เงินที่ได้จาก IPO จะนำมาขยายธุรกิจโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยว ระดับโลก เพื่อก้าวเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำในระดับนานาชาติ
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SHR’ บริษัทในเครือ สิงห์ เอสเตท ที่เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจโรงแรม และมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้ลงทุนโรงแรมและบริหารรีสอร์ทระ-ดับพรีเมี่ยร์ ประกาศแผนเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 1,437,456,000 หุ้น ราคาอยู่ในช่วง 5.10 –5.50 บาท/หุ้น เตรียมเปิดขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2562 และสำหรับประชาชนทั่วไป ในวันที่ 1-5 พฤศจิกายน 2562 ผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย อีก 4 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด โดย SHR ตั้งเป้าระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจโรงแรม มุ่งสู่การเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำในระดับนานาชาติ (Premier Hotel Investment & Resort Management Company) รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
นาย เดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการพิจารณาอนุมัติการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จากสำนักงาน ก.ล.ต. โดย SHR พร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 1,437,456,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 40 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
ทั้งนี้ SHR ร่วมกับที่ปรึกษาการเงิน คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ซึ่งประกอบด้วยบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ ที่ช่วงราคา 5.10 – 5.50 บาทต่อหุ้น และเสนอขายหุ้น IPO นี้ ทั้งในและต่างประเทศ
SHR เป็น Holding Company
ที่เน้นลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ทระดับบนในราคาที่เข้าถึงได้ (Affordable Luxury) ที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมระดับโลก ปัจจุบัน SHR มีจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 4,647 ห้อง จากโรงแรมและรีสอร์ทจำนวน 39 แห่ง ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส และ สหราชอาณาจักร ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา SHR เป็นบริษัทในธุรกิจโรงแรมที่มีอัตราการเติบโตของการเพิ่มขึ้นของรายได้และจำนวนห้องสูงที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งเทียบเคียงในอุตสาหกรรมที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการเติบโตทั้งในรูปแบบของการเติบโตบนทรัพย์สินของตัวเอง (Organic Growth) และในรูปแบบของการเข้าซื้อกิจการ (Inorganic Growth)
SHR
มีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการลงทุนธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการพักผ่อนและการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพบนปรัชญาการพัฒนาที่ยั่งยืน และสร้างประโยชน์ที่แท้จริงให้แก่ชุมชนท้องถิ่น ปัจจุบันทรัพย์สินของ SHR สามารถแบ่งได้ ดังนี้
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2559-2561 มีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 63.1% ต่อปี โดยมีรายได้รวม เท่ากับ 968.0 ล้านบาท 1,074.0 ล้านบาท และ 2,575.7 ล้านบาท ตามลำดับ โดยครึ่งปีแรกของปี 2562 มีรายได้ที่ 1,751.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 715.6 ล้านบาท ของงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นร้อยละ 144.8 กำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ยและภาษี ไม่นับรวมรายการพิเศษ (EBITDA) ของ SHR เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 58.5% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2559 ปี 2560 และปี 2561 EBITDA ตามงบการเงินรวมของ SHR เท่ากับ 348.9 ล้านบาท 514.3 ล้านบาท และ 877.4 ล้านบาท ตามลำดับ โดยครึ่งปีแรกของปี 2562 มี EBITDA เท่ากับ 461.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 266.0 ล้านบาทของงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็น 73.5% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้และ EBITDA ของ SHR ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มาจากผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการบริการงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งรายได้จากการซื้อโรงแรม Outrigger 6 แห่ง
นายเดิร์ก กล่าวว่า “SHR เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีการเติบโตอย่างสูงในการลงทุนและบริหารโรงแรมและรีสอร์ทในแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่น่าสนใจ เราเน้นการทดลองและสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครและตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างมากที่สุด อีกทั้งยังสร้างมูลค่าให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราทุกฝ่าย ซึ่งเรามีเป้าหมายที่จะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ที่มีคุณภาพ ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ และยกระดับการกำกับดูแลกิจการ”
“SHR มีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจโรงแรมอีกกว่าเท่าตัว จากจำนวนโรงแรมและรีสอร์ท 39 แห่ง เป็น 80 แห่ง ภายในปี 2568 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ15 ต่อปี” นายเดิร์ก กล่าว
นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุน IPO จะถูกนำไปใช้ในการขยายธุรกิจโรงแรมและลงทุนในการพัฒนาโครงการต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเงินที่ระดมทุนมานั้น จะนำไปชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับกิจการทั่วไป ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโครงการและค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ กล่าวว่า การนำ SHR ซึ่งเป็นธุรกิจโรงแรม เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับ สิงห์ เอสเตท และตอกย้ำเป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็น โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี (Global Holding Company) ในปี 2563 ได้อย่างสมบูรณ์ โดยสิงห์ เอสเตท ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนและพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก (Commercial & Retail) ธุรกิจโรงแรม (Hospitality) และธุรกิจที่พักอาศัย (Residential Development)
“หลังจากการทำ IPO แล้ว SHR ยังคงสถานะเป็นบริษัทย่อยของ สิงห์ เอสเตท เช่นเดิม โดยสิงห์ เอสเตท จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และถือหุ้น 58.8% ใน SHR” นายนริศ กล่าว
SHR ถือเป็นธุรกิจที่สามของ สิงห์ เอสเตท ที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากธุรกิจที่พักอาศัยที่ได้นำบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทแรก ตามด้วยกองทรัสต์ SPRIME สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงาน เมื่อต้นปี 2562 ที่ผ่านมา
นายนริศ กล่าวเพิ่มด้วยว่า ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของ UNWTO พบว่า ปี 2561 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 1.4 พันล้านคน เติบโตจากปี 2560 ประมาณ 6% โดยภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวสูงถึง 343 ล้านคน โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตถึง 7% นอกจากนั้น UNWTO ยังคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวโลกจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะเอเชียที่ปี 2562 คาดว่าจะเติบโต 5-6% ในเชิงคุณภาพจากข้อมูลของ World Travel & Tourism Council หรือ WTTC พบว่านักท่องเที่ยวยังคงแสวงหาการสัมผัสประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่น การเข้าถึงธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ และมุ่งเรียนรู้ศึกษาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างต่อเนื่อง
“ธุรกิจโรงแรมจึงเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในระยะยาวเหมาะสมที่จะลงทุนขยายธุรกิจ อีกทั้งกลุ่มธุรกิจโรงแรมของ SHR ก็มีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมจำนวน 39 แห่ง 4,647 ห้อง ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก เช่น สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส สหราชอาณาจักร และประเทศไทย เมื่อผนวกกับความพร้อมของเงินทุนที่จะขยายธุรกิจไปยังแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วโลก รวมถึงการบริหารโรงแรมที่มุ่งสร้างการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ยั่งยืน การเติบโตของ SHR จะสามารถนำพา สิงห์ เอสเตท สู่การเป็นโกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี ได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคต”
ด้านนางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวสรุปว่า ธุรกิจ ‘โรงแรม’ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักที่สร้างรายได้แบบต่อเนื่องหรือที่เรียกว่า recurring income ให้กับสิงห์ เอสเตท โดยปี 2561 ธุรกิจโรงแรมสร้างรายได้ในสัดส่วน 34% ต่อรายได้ทั้งหมด การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ SHR จะเป็นโอกาสในการขยายฐานธุรกิจในกลุ่มโรงแรม การลงทุนในโครงการใหม่ทั้งในรูปแบบของการซื้อกิจการ และการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ (Greenfield Project) ด้วยความพร้อมด้านเงินทุน และบุคลากรที่แข็งแกร่งขึ้น หลังจากที่ SHR เป็นบริษัทจดทะเบียนเต็มตัวแล้ว บริษัทฯ จะเปิดให้จองซื้อหุ้นสามัญให้แก่ถือหุ้นของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2562 และแก่ประชาชนทั่วไปในวันที่ 1-5 พฤศจิกายน 2562 โดยนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นสามัญ SHR สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 2 แห่งได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย อีก 4 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด โดยรายละเอียดจะได้มีการแจ้งให้ทราบต่อไป
ผู้สนใจลงทุนสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.shotelsresorts.com/
เกี่ยวกับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท
เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท บริษัทในเครือของ สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทยุคใหม่ที่ทำธุรกิจโรงแรมโดยมีแรงบันดาลใจจากคนไทย โดยทางกลุ่มมีโรงแรมทั้งสิ้น 39 แห่งและห้องพัก 4,647 ห้อง ใน 5 ประเทศ เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์และดีที่สุด พร้อมเพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลกและบริการที่ปรับแต่งตามความต้องการ โรงแรมของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและเต็มไปด้วยความงามของธรรมชาติ วัฒนธรรม สุขภาพและการผจญภัย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหราและอาหารชั้นเลิศ โรงแรมแต่ละแห่งโดดเด่นด้วยการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ขณะเดียวกันก็สอดคล้องกับปรัชญาของแบรนด์และวัฒนธรรมการบริการได้เป็นอย่างดี เพื่อให้แขกที่มาพักได้ประสบการณ์ในบริการที่มีความเป็นไทยแต่คงไว้ด้วยมาตรฐานระดับโลกกลับไป รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้จาก www.shotelsresorts.com
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน)
123 อาคารซันทาวเวอร์ส บี ชั้น 10 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
10900
โทร. +66 (0) 2058-9888
www.shotelsresorts.com
สำหรับสื่อมวลชนกรุณาติดต่อ
124 คอมมิวนิเคชันส: ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์
กัญณัฎฐ์ ศรีชัยภัทรกุล (อ้อม)
โทร. +66 (0) 89-457-1180
E-mail: kanyanut@124comm.com
บมจ. สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)
อติโรจน์ โชติพรสวัสดิ์ (เต้)
โทร. +66 (0) 89-118-9110
Email: Atiroj.c@singhaestate.co.th
ประชาสัมพันธ์องค์กร
คาสซานดร้า เชินยู ซู
โทร. +66 (0) 91-821-9001
อีเมล์ cassandra.x@shotelsresorts.com