ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ แหล่งท่องเที่ยวครบวงจรระดับโลก ได้รับรางวัลสิ่งแวดล้อมระดับสากล Green GlobeTM
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมและลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยอยู่ในเครือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนระดับสากล
ในปี 2566 บริษัทฯ มีโรงแรมทั้งสิ้นจำนวน 36 แห่ง 4,290 ห้อง ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั่วโลก เช่น สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส สหราชอาณาจักร และประเทศไทย
ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ แหล่งท่องเที่ยวครบวงจรระดับโลก ได้รับรางวัลสิ่งแวดล้อมระดับสากล Green GlobeTM
บริษัทฯ เดินหน้ากลยุทธ์หมุนเวียนขายสินทรัพย์ เพื่อต่อยอดการลงทุนพัฒนาโรงแรมที่มีศักยภาพสูง โดยได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรมเมอร์เคียว เบอร์ตัน อัพพอน (Mercure Burton upon Trent Newton Park Hotel) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นไปตามแผนการขายโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างจำกัด โดยโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park เป็นโรงแรมขนาด 50 ห้อง คิดเป็นมูลค่า 2 ล้านปอนด์ โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์แห่งนี้จะถูกนำไปลงทุนใหม่เพื่อยกระดับสินทรัพย์อื่น ๆ ในสหราชอาณาจักรที่มีศักยภาพการแข่งขันสูง
บริษัทฯ ลงนามข้อตกลงบริหารจัดการโรงแรมของ“โซ/ โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท” (SO/ Hotels & Resorts) กับทาง Wai Eco World Developer Pte. Ltd. (WEWD) โดยรีสอร์ทแห่งใหม่นี้นับเป็นรีสอร์ทลำดับที่ 3 ของ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” ซึ่งวางแผนเปิดตัวในปี 2566
บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นไปตามแผนการขายโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างจำกัด โดยโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park เป็นโรงแรมขนาด 73 ห้อง คิดเป็นมูลค่ารวม 4.25 ล้านปอนด์ (หรือเทียบเท่า 182 ล้านบาท) โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ดังกล่าว จะนำไปลงทุนพัฒนาปรับปรุงโรงแรมชั้นนำของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และต่อยอดประสิทธิภาพในการทำกำไรของพอร์ตโฟลิโอ
บริษัทฯ ดำเนินการเปลี่ยนสัญญาของโรงแรมที่ปัจจุบันดำเนินการโดยแบรนด์ Outrigger จำนวน 3 แห่ง จากทั้งหมด 6 แห่งภายใต้สัญญาบริหารจัดการโรงแรม กลับมาบริหารจัดการด้วยตัวเอง (Self-managed) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ในการนี้บริษัทฯ ได้เปิดตัวรีสอร์ท ภายใต้แบรนด์ “SAii” อีก 2 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ ทรายลากูน่าภูเก็ต (SAii Laguna Phuket) และ ทรายพีพีไอส์แลนด์วิลเลจ (SAii Phi Phi Island Village)
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้ S Hotels and Resorts (UK) Limited (“SHR UK”) บริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 100 เข้าซื้อหุ้นสามัญของ FS JV Co., Ltd. (“FS JV”) จำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 ปอนด์ หรือ คิดเป็นร้อยละ 50 ของทุนที่ชำระแล้ว จากผู้ร่วมทุนเดิม FICO Holding (UK) Limited (“FICO UK”) โดยใช้มูลค่าเงินลงทุน 13.75 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 564.49 ล้านบาท) ภายหลังการทำรายการ SHR UK จะถือหุ้นใน FS JV ร้อยละ 100 และทำให้ FS JV เป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และจะรับรู้ผลการดำเนินงาน ในรูปแบบงบการเงินรวมของบริษัทฯ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2564 เป็นต้นไป
บริษัทฯ เปิดตัวแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทใหม่ล่าสุดของบริษัท ภายใต้ชื่อ “nābor” ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ชาญฉลาดและใช้ชีวิตด้วยดิจิทัล ผสมผสานแรงบันดาลใจจากท้องถิ่น เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับกลุ่มตลาดระดับกลาง แต่คุณภาพระดับลักชัวรี่ที่เข้าถึงง่ายมากขึ้น “Luxury Midscale” ซึ่งการพัฒนา แบรนด์นี้จะมีบทบาทสำคัญในการขยายการลงทุน และเพิ่มพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ต่อไปในอนาคต
เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ SHR ในหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ ภายหลังการเพิ่มทุน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ยังคงดำรงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ ที่ร้อยละ 60 ของทุนชำระแล้ว
เข้าลงนามในสัญญาร่วมทุนสำหรับการพัฒนาโครงการแบบ High-end lifestyle resort บนเกาะ 3 ของโครงการ CROSSROADS เฟส 1 กับ Eco World Developer Co., Ltd
เปิดดำเนินการโรงแรม 2 แห่งได้แก่ โรงแรม SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และโรงแรม Hard Rock Hotel Maldives รวมถึงศูนย์รวมการให้บริการ (complex) เพื่อการพักผ่อนและสิ่งบันเทิงภายใต้ในโครงการ Marina @ CROSSROADS ที่โครงการ Crossroads ในประเทศมัลดีฟส์
บริษัทฯ มีมติการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้น IPO และรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่จะออกขายต่อประชาชน (PO Warrant)
เข้าซื้อโรงแรม Outrigger จำนวน 6 แห่งใน 4 ประเทศ ได้แก่ โรงแรม Outrigger Laguna Phuket Beach Resort ในประเทศไทย และโรงแรม Outrigger Koh Samui Beach Resort ในประเทศไทย โรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort และโรงแรม Castaway Island ในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ โรงแรม Outrigger Mauritius Beach Resort ในสาธารณรัฐมอริเชียส และโรงแรม Outrigger Konotta Maldives Resort ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์
เพิ่มห้องพักแบบวิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำซึ่งเป็นห้องพักลูกค้ารูปแบบใหม่อีกจำนวน 19 ห้อง (Grand Reserve Pool Villa) ที่โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย
เริ่มดำเนินการถมที่ดิน การปกป้องแนวชายฝั่ง การกำหนดภูมิทัศน์ และการก่อสร้างโครงการ Crossroads เฟส 1
ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ โครงการแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนครบวงจรระดับโลกขนาดใหญ่ ยาว 7 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 9 เกาะในมัลดีฟส์ บริหารจัดหารโดย SHR ภายใต้การพัฒนาโดยบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บุญรอดบริววอรี่ จำกัด
โรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ได้ดำเนินการปรับปรุงห้องพักบังกะโลระดับ Superior จำนวน 45 หลัง บังกะโลระดับ Standard จำนวน 110 หลัง และร้านอาหารของโรงแรม 3 ร้าน
เข้าทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ FICO UK เพื่อเข้าซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรจำนวน 3 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Holiday Inn 2 แห่ง และภายใต้แบรนด์ Mercure 1 แห่ง
เข้าทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ FICO UK เพื่อเข้าซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรจำนวน 26 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวและ 4 ดาว และดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Mercure
โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย ได้เพิ่มห้องพักแบบวิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำ (Grand Deluxe Pool Villas) จำนวน 6 ห้อง
เข้าซื้อโรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทริมชายหาดระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่บนเกาะพีพีดอน จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย
เข้าซื้อโรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย หนึ่งในรีสอร์ทริมชายหาดระดับ 5 ดาวลำดับแรก ๆ ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทิศเหนือของเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศไทย
ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ แหล่งท่องเที่ยวครบวงจรระดับโลก ได้รับรางวัลสิ่งแวดล้อมระดับสากล Green GlobeTM
บริษัทฯ เดินหน้ากลยุทธ์หมุนเวียนขายสินทรัพย์ เพื่อต่อยอดการลงทุนพัฒนาโรงแรมที่มีศักยภาพสูง โดยได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรมเมอร์เคียว เบอร์ตัน อัพพอน (Mercure Burton upon Trent Newton Park Hotel) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นไปตามแผนการขายโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างจำกัด โดยโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park เป็นโรงแรมขนาด 50 ห้อง คิดเป็นมูลค่า 2 ล้านปอนด์ โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์แห่งนี้จะถูกนำไปลงทุนใหม่เพื่อยกระดับสินทรัพย์อื่น ๆ ในสหราชอาณาจักรที่มีศักยภาพการแข่งขันสูง
บริษัทฯ ลงนามข้อตกลงบริหารจัดการโรงแรมของ“โซ/ โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท” (SO/ Hotels & Resorts) กับทาง Wai Eco World Developer Pte. Ltd. (WEWD) โดยรีสอร์ทแห่งใหม่นี้นับเป็นรีสอร์ทลำดับที่ 3 ของ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” ซึ่งวางแผนเปิดตัวในปี 2566
บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นไปตามแผนการขายโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างจำกัด โดยโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park เป็นโรงแรมขนาด 73 ห้อง คิดเป็นมูลค่ารวม 4.25 ล้านปอนด์ (หรือเทียบเท่า 182 ล้านบาท) โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ดังกล่าว จะนำไปลงทุนพัฒนาปรับปรุงโรงแรมชั้นนำของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และต่อยอดประสิทธิภาพในการทำกำไรของพอร์ตโฟลิโอ
บริษัทฯ ดำเนินการเปลี่ยนสัญญาของโรงแรมที่ปัจจุบันดำเนินการโดยแบรนด์ Outrigger จำนวน 3 แห่ง จากทั้งหมด 6 แห่งภายใต้สัญญาบริหารจัดการโรงแรม กลับมาบริหารจัดการด้วยตัวเอง (Self-managed) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ในการนี้บริษัทฯ ได้เปิดตัวรีสอร์ท ภายใต้แบรนด์ “SAii” อีก 2 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ ทรายลากูน่าภูเก็ต (SAii Laguna Phuket) และ ทรายพีพีไอส์แลนด์วิลเลจ (SAii Phi Phi Island Village)
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้ S Hotels and Resorts (UK) Limited (“SHR UK”) บริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 100 เข้าซื้อหุ้นสามัญของ FS JV Co., Ltd. (“FS JV”) จำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 ปอนด์ หรือ คิดเป็นร้อยละ 50 ของทุนที่ชำระแล้ว จากผู้ร่วมทุนเดิม FICO Holding (UK) Limited (“FICO UK”) โดยใช้มูลค่าเงินลงทุน 13.75 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 564.49 ล้านบาท) ภายหลังการทำรายการ SHR UK จะถือหุ้นใน FS JV ร้อยละ 100 และทำให้ FS JV เป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และจะรับรู้ผลการดำเนินงาน ในรูปแบบงบการเงินรวมของบริษัทฯ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2564 เป็นต้นไป
บริษัทฯ เปิดตัวแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทใหม่ล่าสุดของบริษัท ภายใต้ชื่อ “nābor” ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ชาญฉลาดและใช้ชีวิตด้วยดิจิทัล ผสมผสานแรงบันดาลใจจากท้องถิ่น เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับกลุ่มตลาดระดับกลาง แต่คุณภาพระดับลักชัวรี่ที่เข้าถึงง่ายมากขึ้น “Luxury Midscale” ซึ่งการพัฒนา แบรนด์นี้จะมีบทบาทสำคัญในการขยายการลงทุน และเพิ่มพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ต่อไปในอนาคต
เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ SHR ในหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ ภายหลังการเพิ่มทุน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ยังคงดำรงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ ที่ร้อยละ 60 ของทุนชำระแล้ว
เข้าลงนามในสัญญาร่วมทุนสำหรับการพัฒนาโครงการแบบ High-end lifestyle resort บนเกาะ 3 ของโครงการ CROSSROADS เฟส 1 กับ Eco World Developer Co., Ltd
เปิดดำเนินการโรงแรม 2 แห่งได้แก่ โรงแรม SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และโรงแรม Hard Rock Hotel Maldives รวมถึงศูนย์รวมการให้บริการ (complex) เพื่อการพักผ่อนและสิ่งบันเทิงภายใต้ในโครงการ Marina @ CROSSROADS ที่โครงการ Crossroads ในประเทศมัลดีฟส์
บริษัทฯ มีมติการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้น IPO และรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่จะออกขายต่อประชาชน (PO Warrant)
เข้าซื้อโรงแรม Outrigger จำนวน 6 แห่งใน 4 ประเทศ ได้แก่ โรงแรม Outrigger Laguna Phuket Beach Resort ในประเทศไทย และโรงแรม Outrigger Koh Samui Beach Resort ในประเทศไทย โรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort และโรงแรม Castaway Island ในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ โรงแรม Outrigger Mauritius Beach Resort ในสาธารณรัฐมอริเชียส และโรงแรม Outrigger Konotta Maldives Resort ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์
เพิ่มห้องพักแบบวิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำซึ่งเป็นห้องพักลูกค้ารูปแบบใหม่อีกจำนวน 19 ห้อง (Grand Reserve Pool Villa) ที่โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย
เริ่มดำเนินการถมที่ดิน การปกป้องแนวชายฝั่ง การกำหนดภูมิทัศน์ และการก่อสร้างโครงการ Crossroads เฟส 1
ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ โครงการแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนครบวงจรระดับโลกขนาดใหญ่ ยาว 7 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 9 เกาะในมัลดีฟส์ บริหารจัดหารโดย SHR ภายใต้การพัฒนาโดยบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บุญรอดบริววอรี่ จำกัด
โรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ได้ดำเนินการปรับปรุงห้องพักบังกะโลระดับ Superior จำนวน 45 หลัง บังกะโลระดับ Standard จำนวน 110 หลัง และร้านอาหารของโรงแรม 3 ร้าน
เข้าทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ FICO UK เพื่อเข้าซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรจำนวน 3 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Holiday Inn 2 แห่ง และภายใต้แบรนด์ Mercure 1 แห่ง
เข้าทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ FICO UK เพื่อเข้าซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรจำนวน 26 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวและ 4 ดาว และดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Mercure
โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย ได้เพิ่มห้องพักแบบวิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำ (Grand Deluxe Pool Villas) จำนวน 6 ห้อง
เข้าซื้อโรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทริมชายหาดระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่บนเกาะพีพีดอน จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย
เข้าซื้อโรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย หนึ่งในรีสอร์ทริมชายหาดระดับ 5 ดาวลำดับแรก ๆ ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทิศเหนือของเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศไทย
บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการลงทุนโรงแรมและการบริหารงานรีสอร์ทที่กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับการพักผ่อนและการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ บนปรัชญาการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างประโยชน์ที่แท้จริงให้แก่ชุมชนท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายที่จะมอบประสบการณ์การเข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ทระดับบนในราคาที่เข้าถึงได้ สนับสนุนการเข้าร่วมกับพันธมิตร และพัฒนาการกำกับดูแลกิจการ ทั้งนี้การดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนจากวัฒนธรรมองค์กรด้านการให้บริการที่แข็งแกร่งผ่านการสร้างคุณค่าให้กับพนักงานอย่างเต็มที่โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน โดยมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจให้แก่พนักงาน และการพัฒนาความสามารถของชุมชนท้องถิ่นเป็นสำคัญ
การมีสัมพันธภาพที่ดี เป็นมิตรที่ยั่งยืน
การทำธุรกิจบนพื้นฐานของความประณีต และมีคุณภาพ
การยึดมั่นในความซื่อตรงและเป็นที่ไว้วางใจได้
การปรับตัว ริเริ่ม สร้างสรรค์
การทำงานด้วยใจรักและทุ่มเท
เรายินดีต้อนรับคุณด้วยความภาคภูมิใจ “ทุกคนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน”
เรามีความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดของเราด้วยความภาคภูมิใจ “ทุกสิ่งที่คุณทำล้วนมีความสำคัญเท่าๆ กัน”
เราจะสร้างความประทับใจให้คุด้วยความภาคภูมิใจ “ทุกสิ่งที่คุณทำ จะถูกบันทึกไว้เป็นความทรงจำ”